
โดย ซุงรู้จักกับดิว โดยมีพี่แทม รุ่นพี่ที่สอนการทำธุรกิจ ถือว่าเป็นอีกคนที่ช่วยให้ซุงมีธุรกิจทุกวันนี้ เรื่องเริ่มจาก พี่แทมโทรมา บอกว่า “มีผู้หญิงคนหนึ่งท้องอยู่ โดยตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าคือดิว โดยอ้างเรื่องของธุรกิจว่าผู้หญิงคนนั้นต้องใช้เงิน ขอยืมเงินจำนวน 20 ล้าน แต่ยืมซุงแค่เพียง 12.5 ล้าน เนื่องจากทางคุณแทมมีอยู่แล้ว 7.5 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ยคือให้ 2 ล้านบาท” และตนเองก็ตกลงให้ยืมและได้ถามว่า ผู้หญิงที่มายืมคือใคร ? ซึ่งทางของคุณแทมก็ได้บอกว่า คือ ดิว อริสรา ซึ่งตัวของซุงเองที่ให้ยืมทั้งหมดไปเพราะเข้าใจในเรื่องธุรกิจ และสงสารคนทำธุรกิจเหมือนกัน และโดยซุงเองก็ไม่ติดใจเรื่องดอกเบี้ย 2 ล้านบาทว่าจะต้องได้คืนถือว่าช่วยเหลือกัน

โดยตอนยืมเงินตัวของดิว ได้มีการเซนต์เช็ค 12.5 ล้านบาท พร้อมกับเครื่องเพชร (ต่างหู) เป็นหลักประกัน โดยซุงเองอยากช่วยเหลือจริง ๆ จนมาในวันมอบเงินตัวของดิวเองไม่ได้มาด้วย แต่เป็นคุณแม่ของดิวที่เป็นคนมาในวันนั้น และนำเพชรที่เป็นหลักประกันมาด้วย และตัวของซุงเองก็เห็นว่ามีผู้ใหญ่มาก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรจึงได้เอาเงินสดให้ไป

หลังจากนั้นผ่านไป 2-3 วัน ทางคุณแทม ได้โทรมาบอกซุงว่า เพชรที่ดิวนำมาเป็นหลักประกัน ไม่มีบาร์โค้ดในเพชรและคาดว่าเพชรน่าจะเป็นของปลอม แต่ตัวของซุงเองยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะด้วยตัวของดิวเองก็เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือในสังคม และได้มีการนำเพชรไปตรวจในหลาย ๆ ที่แต่ไม่มีที่ไหนที่บอกว่าเพชรเป็นของจริงเลยแม้แต่ที่เดียว หลังจากที่รู้เรื่องเพชรก็ทำเอาซุงใจเสียไปแล้ว และเรื่องนี้ซุงก็ไม่ได้บอกคนรอบตัวเลยแม้แต่คนเดียว

พอรู้เรื่องราวทั้งหมดก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ และพยามส่อง IG ทางดิวเพื่อหาหนทางอื่นที่จะพอเป็นหลักประกันเรื่องหนี้สินได้ หลังจากนั้น คุณแทมได้โทรมาบอกว่า ดิวไม่สามารถคืนเงินได้ตามกำหนดที่ครั้งแรกจะคืนในวันที่ 23 ก.ค. 67 และขอเลื่อนไปวันที่ 6 ส.ค. 67 แต่ในช่วงนั้นตัวของซุงกำลังจะต้องใช้เงินในการทำธุรกิจพอดี แต่สุดท้ายเรื่องมันใหญ่ขึ้นจนต้องเล่าให้แฟน (ซ้อการ์ด) และเพื่อน ๆ ฟัง เล่าเหมือนในคลิปที่ทุกคนได้เห็น และขอผลัดเงินในการทำธุกิจกับเพื่อน ๆ เป็นวันที่ 6 ส.ค 67 ตามที่ดาราสาวอย่างดิว ได้ให้สัญญาไว้ว่าจะคืน แต่สุดท้ายในวันที่ 6 ส.ค. 67 ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เงินคืน จนมีการคุยกับทางคุณแทม ว่าขอคุยกับทางดิวเอง โดยงานนี้ซุงก็ได้มีเก็บหลักฐานแชตทั้งหมดไว้ พอวันที่ 6 ดิวไม่ได้คืนเงินตามนัด
ซุงก็ได้มีการคุยแชตกับทางดิว ทางดิวก็รับปากว่าจะคืนเงินในวันนั้น แต่เรื่องก็ล่วงเลยมาจนที่วันถัดมาคือวันที่ 7 ส.ค. 67 ซุงเองก็ยังไม่ได้เงินคืน และดิวก็ได้เสนอว่าจะขายสร้อยของตนเพื่อมาใช้หนี้ซุง แต่สร้องแท้จริงแล้วเป็นของมาดามเมนี่ ที่เราได้รู้เรื่องราวนี้กันอยู่ เนื่องจากวันที่เอาไปจำนำและวันที่คุยแชตกับซุงเป็นวันเดียวกันตรงกันเป๊ะแบบสุด ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วคนที่โดนหลอกเรื่องสร้อยก็คือซุงเอง

ตัวของซุงเองก็ยังยืนยันกับทางดิวว่าไม่รับการจ่ายหนี้สินเป็นสิ่งของ ต้องการเป็นเงินทั้งหมดคืนเท่านั้น สุดท้ายตัวของดิวก็โอนเงินทั้งหมด ทยอยมาจนครบ แต่ทางด้านของคุณแทมก็ยังคงได้เงินไม่ครบ ทางคุณแทมก็เลยขอให้ซุงเช็คสภาพทางการเงินกับทางดิว โดยซุงเองได้ทวงถามถึงเรื่องของดอกเบี้ยกับทางดิวที่คุยไว้ในตอนแรก เพื่อจะได้เอาเงินที่ดิวจะโอนให้เป็นดอกเบี้ยไปใช้คืนให้ทางคุณแทมเอง และตัวของซุงเองก็อยากรู้ว่าตัวของดิวมีเงินแต่เหนียวหนี้หรือไม่ ?
และทางซุงก็ยังยืนยันว่า ซุง ไม่รู้จักกับคนที่ดิวอ้างว่าจะเอาเครื่องเพชรไปฝากเพื่อค้ำประกัน รู้จักแค่ในสื่อเป็นเพียงเท่านั้น ไม่มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่เคยมีการนับถือกันใด ๆ กับบุคคลที่ดิวอ้าง
และซุงก็พูดทิ้งท้าย ” ขอโทษทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งพี่เมย์ และรวมถึงพี่ดิวด้วย ถ้าทำตัวไม่เหมาะสมหรือเป็นต้นเหตุให้เดือดร้อน และไม่อยากให้ทุก ๆ คนไปด่าลูก ๆ พี่ดิว ไม่อยากให้น้อง ๆ มาเกี่ยวข้อง อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก และที่พี่ดิวพูดว่า พี่ไม่มีโอกาสแล้ว ไม่เหลือโอกาสเลย ผมอยากจะบอกกับพี่ว่า ผมว่าโอกาศมันมีให้สำหรับทุกคน และมีให้อย่างเท่าเทียม อยากให้พี่เข้มแข็งมาก ๆ เพื่อลูก ๆ ของพี่เอง “ และยังบอกอีกว่าถ้าวันหนึ่งลูก ๆ ของคุณดิวโตขึ้นให้พามาทำงานกับตัวซุงที่บริษัทเองเลยก็ได้ ยินดีให้โอกาสลูก ๆ พี่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นการปิดท้ายเรื่องราวระหว่างซุงและดิวที่สวยงามที่สุดเลยทีเดียว

เอาเป็นว่าก็ไขทุกข้อสงสัย ของทาง ซุง ศตาวิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องราวนี้ก็อาจจะต้องติดตามกับต่อ เพราะยังมีอีกหลาย ๆ ข้อสงสัยที่ยังคงไม่กระจ่าง ทั้งเรื่องของเครื่องเพชร และหนี้สินอื่น ๆ ของทาง ดิว อย่างไรก็ตามเราก็คงต้องติดตามเรื่องราวนี้กันต่อไปค่ะ